การทดลองวัคซีนโควิด-19ผ่านระยะที่3

การค้นพบหลายสิ่งในเดือนพฤศจิกายน เป็นผลจากการทำงานหนักอย่างต่อเนื่องของหลายองค์กรในต่างประเทศ ตั้งแต่วิกฤตการณ์ COVID-19 ได้เกิดขึ้น ส่งผลให้เกิดการตรวจหาเชื้อด้วยชุดคิทสำเร็จรูปที่ผลิตจากประเทศสิงคโปร์ และวัคซีนที่ผ่านการทดลองในคนหมู่มากแล้วจากบริษัท ไฟเซอร์

  • 6 พฤศจิกายน

รายงานจากเว็บไซต์ขององค์การอาหารและยาประเทศสหรัฐฯ (FDA) ได้อนุญาตชุดตรวจชื่อ cPass ที่ผลิตโดยศาสตราจารย์ หวัง ลินฟา กรรมการของ ดุค มหาวิทยาลัยแห่งชาติสิงคโปร์ และบริษัทไบโอเทคโนโลยี ชื่อ เจนสคริปต์ ไบโอเทค คอร์ปเปอร์เรชั่น และ เอเยนต์ ฟอร์ไซน์ เทคโนโลยี แอนด์ รีเสริช ไดแอกโนซิส เดเวลอปเมนท์ ฮับ โดยชุดตรวจนี้ไม่ได้ต้องการเครื่องมือพิเศษ หรือการฝึกพิเศษในการตรวจหาผู้ติดเชื้อ ซึ่งเป็นการใช้เทคนิคที่เรียกว่า การทำให้ผู้คุ้มกันเป็นสภาวะปกติ (Neutralizing Antibodies) ซึ่งเป็นการป้องกันเชื้อจากเซลล์ของคนไข้ที่ติดเชื้อ และดร.หวัง ยังคาดว่าจะพบวัคซีนที่สามารถกระจายสู่คนหมู่มากในการใช้งานได้ภายใน 3-6 เดือนข้างหน้า และการตรวจด้วยชุดคิท cPass จะช่วยในการวินิจฉัยต่อไป ซึ่งจะเป็นผลดีต่อสิงคโปร์ และชาติต่าง ๆ ทั่วโลก

  • 9 พฤศจิกายน

ข้อมูลจากรอยเตอร์ส ระบุว่า บริษัท ไฟเซอร์ อิงค์ ของสหรัฐฯ แถลงถึงความสำเร็จในการพัฒนาวัคซีนร่วมกับบริษัท ไบโอเอ็นเทค เอสอี หุ้นส่วนจากเยอรมนี ในการทดลองวัคซีนในคนระยะที่ 3 และประสิทธิภาพในการป้องกันการติดเชื้อก่อโรค COVID-19 ได้สูงกว่า 90 % และถือเป็นบริษัทเภสัชกรรมแห่งแรกของโลกที่สามารถเผยแพร่ผลการทดลองที่ประสบความสำเร็จในกลุ่มทดลองขนาดใหญ่ โดยทางไฟเซอร์ ยังได้แถลงด้วยว่า จากการทดลองในกลุ่มตัวอย่าง 44,000 คน ไม่พบว่ามีปัญหาด้านความปลอดภัยร้ายแรงแต่อย่างใด และพบผู้ติดเชื้อ COVID-19 เพียง 94 ราย แต่บริษัทไม่ได้ให้รายละเอียดถึงจำนวนผู้ติดเชื้อนั้นได้เป็นผู้รับวัคซีนกี่คน และได้รับสิ่งที่คิดว่าเป็นวัคซีน หรือวัคซีนเทียมกี่คน

ทางบริษัทได้เตรียมยื่นคำร้องต่อองค์การอาหารและยาของสหรัฐฯ (FDA) เพื่อขอผลิตวัคซีนขึ้นแบบฉุกเฉินภายในเดือนพฤศจิกายนนี้ และคาดว่าการใช้วัคซีนนี้เป็นการฉุกเฉินสำหรับประชาการกลุ่มอายุ 16-85 ปี โดยนายอัลเบิร์ต บัวร์ลา ประธาน และประธานคณะผู้บริหารของบริษัท ไฟเซอร์ ประกาศว่าวันนี้ถือเป็นวันที่ยิ่งใหญ่ของวงการวิทยาศาสตร์และมนุษยชาติ

ทั้งสองบริษัทได้ดำเนินการผลิตวัคซีนตามสูตรดังกล่าวไปก่อนแล้วก่อนหน้าที่จะได้รับผลการทดลองในคนระยะสุดท้าย ซึ่งจะส่งผลให้ประหยัดเวลาการผลิตไปได้มาก คาดว่าภายในปีนี้จะสามารถผลิตวัคซีน COVID-19 ออกมาได้มากถึง 50 ล้านโดส (ใช้กับคน 25 ล้านคน) และจะเพิ่มการผลิตเป็น 1,300 ล้านโดสในปี 2564

ไฟเซอร์ กับไบโอเอ็นเทค เตรียมส่งมอบวัคซีนที่มีประสิทธิภาพ และปลอดภัยให้สหรัฐฯ 100 ล้านโดส รวมทั้งยังมีความตกลงทำนองเดียวกันกับสหภาพยุโรป สหราชอาณาจักร แคนาดา และญี่ปุ่น

  • 10 พฤศจิกายน

ทางการบราซิล สั่งระงับการทดลองทางคลินิกเกี่ยวกับประสิทธิภาพของวัคซีน COVID-19 จาก โคโรนาแวค ที่พัฒนาขึ้นโดย ซิโนแวค ไบโอเทค บริษัทชีวเภสัชรายใหญ่ของจีน ที่อยู่ในการทดลองขั้นสุดท้าย จากการพบอาการไม่พึงประสงค์รุนแรงจากการใช้ยา โดยไม่เปิดเผยรายละเอียดว่าเกิดอะไรขึ้น หรือเกิดเหตุขึ้นที่ใด แต่มีอาสาสมัครที่เข้าร่วมเสียชีวิต ซึ่งทางจีนยังเชื่อว่าอาการไม่พึงประสงค์นั้นไม่เกี่ยวกับวัคซีน และอ้างว่าการทดลองทางคลินิกในบราซิลต้องดำเนินไปอย่างเคร่งครัด โดยยึดหลักการปฏิบัติการวิจัยทางคลินิกที่ดี โดยที่ทางจีนยังคงมีการให้วัคซีนในเมืองอี้อู มณฑลเจ้อเจียง หลังจากทางการอนุมัติให้วัคซีนแก่ประชาชนทุกคนที่ต้องการ การพักการทดลองของวัคซีนไม่ใช่เรื่องผิดปกติ เพราะเมื่อเดือนกันยายน สหราชอาณาจักรก็ระงับการทดสอบ ซึ่งเป็นผลจากวัคซีนของ แอสตราเซเนกา กับมหาวิทยาลัยออกฟอร์ด หลังจากพบอาการไม่พึงประสงค์จากการใช้ยา และการทดลองได้เริ่มอีกไม่กี่วันต่อมา หลังจากหน่วยงานที่กำกับดูแลระบุว่ามีความปลอดภัยที่จะทำการทดลองต่อไป หลังจากที่ตรวจสอบและแก้ไขแล้ว

ข้อมูลจาก : นพ.ธิติวัฒน์ ประชาธำรงพิวัฒน์

(https://minsenconcept.com/วัคซีน-covid-19-ผ่านขั้น-3-แล้ว/)

Cover designed by Freepik